รู้หรือไม่ว่าพาวเวอร์แบงค์ที่เรานิยมใช้กันอยู่ทุกวันนี้มี 2 ประเภทหลัก นั่นก็คือ Powerbank ที่ทำมาจากแบตเตอรี่ Lithium Ion และอีกแบบคือ Powerbank ที่เป็นแบตเตอรี่ Lithium Polymer แค่อ่านก็อาจจะส่ายหน้ากันแล้วว่า 2 แบบนี้แตกต่างกันอย่างไร และเมื่อนำมาทำเป็น Powerbank แล้วแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ตอนนี้เว็บ Flashdrivepremium ได้รวบรวมคำตอบมาให้แล้วค่ะ
1. Powerbank ที่ทำจากแบตเตอรี่ Lithium Ion
- มีความหนาแน่นของพลังงานสูง สามารถจ่ายกระแสไฟได้อย่างต่อเนื่อง
- การปลดปล่อยพลังงานต่ำมาก
- ราคาแบตชนิดนี้ถูกกว่าแบบ Lithium-Polymer
- แบตชนิตนี้จะมีหน้าตาเหมือนถ่ายไฟฉายที่มีรูปทรงรี ดังนั้น เมื่อนำมาผลิตพาวเวอร์แบงค์ก็จะทำให้เพาเวอร์แบงค์มีรูปทรงใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่าแบบ Polymer ทำให้หน้าตาของพาวเวอร์แบงค์ชนิดนี้มีขนาดเทอะทะ ไม่ค่อยสะดวกพกพา
2. Powerbank ที่ทำจากแบตเตอรี่ Lithium-Polymer
- แบตชนิดนี้ถูกพัฒนาให้สามารถผลิตตามรูปร่างที่ต้องการได้ จึงเป็นที่นิยมในการนำไปผลิตเพาเวอร์แบงค์ เพราะสามารถดีไซน์ได้หลายแบบไม่ถูกจำกัดรูปทรง เช่น นำไปทำเพาเวอร์แบงค์ที่เน้นความบาง หรือพาวเวอร์แบงค์รูปทรงแปลกแบบต่างๆ
- แบตชนิดนี้มีน้ำหนักเบา เมื่อนำมาผลิตเพาเวอร์แบงค์จึงทำให้ผู้ใช้พกพาสะดวก
- แบตชนิดนี้ถูกปรับปรุงให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะของเหลวด้านในไม่ติดไฟ ลดความเสี่ยงการระเบิด
- ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ lithium ion
ไม่ว่าจะเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ชนิดใด สิ่งสำคัญคือวิธีการใช้งานของเราที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเพาเวอร์
แบงค์ให้นานขึ้นค่ะ นั่นก็คือ
เก็บเพาเวอร์แบงค์ไว้ที่อากาศถ่ายเท เพราะอากาศร้อนจะทำให้เซลล์ในแบตเสื่อมไว ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทิ้งเพาเวอร์แบงค์ไว้ในรถยนต์ค่ะ
ไม่ควรใช้มือถือชาร์จเพาเวอร์แบงค์ไปด้วยและเล่นมือถือไปด้วยค่ะ เพราะแบตจะเกิดความร้อนมากเกินไป
หากเราจะไม่ใช้งานเพาเวอร์แบงค์นานเป็นเวลานานๆหลายเดือน ควรจะใช้แบตให้ลดเหลือที่ระดับ 30-40% แล้วจึงเก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท